Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

Micro Nano Bubble Technology ช่วยยืดอายุและเพิ่มคุณภาพสับปะรดภูแล

 
ประเทศไทยมีชื่อเสียงในฐานะประเทศผู้ส่งออกสับปะรด และผลิตภัณฑ์สับปะรดบรรจุกระป๋องไทยเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล มกราคม 2566) สับปะรดภูแลเป็นสับปะรดขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงรายเป็นพืชเฉพาะถิ่นในตำบลนางแล ตำบลท่าสุด ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งปัจจุบันสับปะรดภูแล ได้เป็นสินค้าจีไอของจังหวัดเชียงราย ถือเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายที่มีศักยภาพ ด้วยลักษณะเด่นของสับปะรดภูแล คือ ผลมีขนาดเล็ก เนื้อสีทอง รสชาติหวานปานกลาง แกนกรอบ จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อนำมาปอกและตัดแต่งเพื่อรับประทนสด หรือที่เรียกว่า ผลไม้ตัดแต่งพร้อมบริโภค กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากของผู้บริโภคชาวจีน และปัจจุบันมีการส่งออกไปจำหน่ายที่ประเทศจีนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ อีกทั้งสับปะรดนั้นมีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบสูงทำให้เชื้อจุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ดี ผลิตภัณฑ์สับปะรดภูแลตัดแต่งพร้อมบริโภคจึงมีโอกาสเน่าเสียและสูญเสียคุณภาพได้ง่ายระหว่างการขนส่งก่อนถึงมือผู้บริโภค
 
 
ดังนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าไปช่วยแก้ปัญหาการส่งออกสัปปะรดภูแลตัดแต่งพร้อมบริโภค จึงเป็นที่มาของการนำงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ล หรือเทคโนโลยีฟองอากาศที่มีขนาดเล็กระดับไมโครและนาโน มาใช้ยืดอายุและรักษาคุณภาพให้กับผลิตภัณฑ์สับปะรดภูแลตัดแต่งพร้อมบริโภคเพื่อการส่งออก โดยทีมวิจัยได้รับทุนสนับสนุนถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยเป็นผลงานภายใต้ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) เพื่อทำการวิจัยและถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวให้กับผู้ประกอบบการแปรรูปสับปะรดภูแลและเกษตรกรในพื้นที่ จ.เชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียง
 
 
รศ. ดร.ณัฐชัย พงษ์ประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มจธ. ในฐานะหัวหน้าทีมนักวิจัยและผู้พัฒนาเครื่องล้างผัก ผลไม้ ด้วยเทคโนโลยีฟองก๊าซไมโครนาโนบับเบิ้ล กล่าวว่า กระบวนการผลิตผักผลไม้ตัดแต่งพร้อมบริโภคนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้มั่นใจว่าผักและผลไม้นั้นสะอาดและปลอดภัยต่อการบริโภค โดยเฉพาะปลอดภัยต่อการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์ที่ก่อโรค นอกจากนี้เนื่องจากผักสลัดตัดแต่งพร้อมบริโภคนั้น ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ได้แก่ การฉีก การหั่น การตัดแต่ง ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวทำให้เกิดบาดแผล ซึ่งสารต่างๆภายในเซลล์ออกมาบริเวณบาดแผดที่เกิดจากการตัดแต่ง ส่งผลต่อการเร่งการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาและชีวเคมี และเกิดการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพที่เร็วส่งผลให้อายุการวางจำหน่ายสั้นลง และส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการส่งออกไปยังต่างประเทศ
 
 

สำหรับการนำเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ล หรือเครื่องผลิตฟองอากาศที่มีขนาดเล็กระดับไมโครนาโนมาใช้กับสับปะรดภูแล รศ. ดร.ณัฐชัย กล่าวว่า เนื่องจากผลิตภัณฑ์ประเภทผักหรือผลไม้ตัดแต่งพร้อมทานจะต้องไม่มีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์หรือเชื้อที่ก่อโรค เกินกว่ามาตรฐานที่ อย.กำหนด เช่น เชื้ออีโคไล เชื้อยีสต์ ซาโมเนลล่า เป็นต้น เพราะเป็นสิ่งที่บริโภคทันที ฉะนั้นจึงต้องผ่านกระบวนการล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดี ซึ่งคุณสมบัติเด่นของไมโครนาโนบับเบิ้ล คือ ฟองอากาศที่เกิดจากไมโครนาโนบับเบิ้ลนั้น มีขนาดที่เล็กมาก มีความคงตัวสามารถกระจายอยู่ในน้ำได้เป็นเวลานาน และมีพื้นที่ต่อปริมาตรสูงช่วยเพิ่มความสามารถในการละลายสารหรือก๊าซใดๆ ที่ใช้ฆ่าเชื้อใส่ลงไปในน้ำล้าง เช่น สารประกอบคลอรีน ก๊าซโอโซน เป็นต้น  ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการล้างทำความสะอาดได้ดีและมีประสิทธิภาพ ลดการใช้สารเคมี และลดการสิ้นเปลืองน้ำที่ใช้ล้างอีกด้วย 

 

“การใช้ไมโครนาโนบับเบิ้ลล้างผักผลไม้ที่อาจมีสิ่งสกปรกติดอยู่ตามร่องเปลือกผิวหรือเปลือกของผักผลไม้ ฟองอากาศที่กระจายอยู่ในน้ำนั้น จะช่วยนำสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนพื้นผิวของผักผลไม้ให้หลุดลอยออกมาจากพื้นผิว และโอกาสที่เชื้อจุลินทรีย์หลุดออกมาจะไปสัมผัสกับสารฆ่าเชื้อที่เราใส่เข้าไปได้มากกว่า จึงทำให้ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น โดยในกรณีสับปะรดภูแลตัดแต่งปกติจะนิยมใช้วิธีล้างด้วยน้ำใส่สารคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อ แต่ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าที่ควรและยังต้องใช้น้ำในปริมาณมากต่อการล้างแต่ละครั้ง เราจึงเลือกเทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลนี้เข้าไปช่วยเพิ่มประสิธิภาพในการล้าง ซึ่งไม่ใช่แค่การล้างผักหรือผลไม้เท่านั้น เทคโนโลยีนี้ยังสามารถนำไปใช้ประยุกต์ใช้ในงานได้หลากหลาย เช่น ด้านการเกษตร ด้านประมง ยกตัวอย่างเช่น กรณีการเลี้ยงปลาในระบบปิดที่มีความหนาแน่นของปลาสูง ซึ่งปกติจะใช้วิธีการปั๊มออกซิเจนเข้าไป 

 

แต่ประสิทธิภาพยังไม่เพียงพออาจทำให้ปลาตายเพราะออกซิเจนไม่เพียงพอ จึงมีการนำไมโครนาโนบับเบิ้ลไปใช้ เพื่อความสามารถในการละลายก๊าซออกซิเจน ช่วยให้ออกซิเจนอยู่ในน้ำได้นานและมีปริมาณออกซิเจนสูงมากกว่าฟองอากาศทั่วไป ทำให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีลดการสูญเสีย นอกจากนี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานด้านการบำบัดน้ำเสียที่มีการปนเปื้อนไขมันจากครัวเรือนหรืออุตสาหกรรม โดยไมโครนาโนบับเบิ้ลจะสามารถจับไขมันที่กระจายอยู่ในน้ำเสียขึ้นมาบนผิวทำให้สามารถแยกไขมันออกจากน้ำเสียและแยกไปบำบัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็น application หรือการนำมาใช้งานทางด้านสิ่งแวดล้อม” รศ. ดร.ณัฐชัย กล่าว

 

ความแตกต่างของเครื่องล้างผัก ผลไม้ ด้วยเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลที่พัฒนาขึ้น รศ. ดร.ณัฐชัย กล่าวว่า เนื่องจาก มจธ.มีความถนัดและเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว เรามีงานวิจัยมากมายจึงรู้วิธีการใช้งานและการนำมาประยุกต์ใช้กับผลผลิตทางการเกษตร เช่น พืชชนิดนี้ควรใช้สารเคมีชนิดใดหรือก๊าซอะไรถึงจะเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อปนเปื้อนและรักษาคุณภาพของผักผลไม้ได้สูงสุด 

 

“เครื่องไมโครบับเบิ้ล ไม่ใช่เรื่องใหม่ในปัจจุบันใครก็สามารถสร้างเครื่องได้ หรือจะซื้อจากต่างประเทศก็ได้ แต่ application หรือวิธีการการใช้งาน คือ สิ่งที่เป็นองค์ความรู้เป็นสิ่งที่กลุ่มวิจัยของเราเราศึกษามานานกว่า 10 ปี ที่ผ่านมามีการถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับบริษัทเอกชนหลายแห่ง และจุดเด่นอีกประการคือ ทีมวิจัยมีองค์ความรู้ว่าผักหรือผลไม้อะไร ควรต้องใช้สภาวะแบบไหน ต้องใช้ก๊าซชนิดใดหรือสารเคมีอะไร ล้างเป็นเวลานานเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อปนเปื้อนได้ดีโดยไม่ทำลายคุณภาพของผักผลไม้ 

 

นี่คือจุดเด่นของเครื่องที่เราพัฒนาขึ้น แต่สำหรับคนที่ไม่ประสบผลสำเร็จจากการใช้เทคโนโนโลยีไมโครบับเบิ้ล เพราะส่วนใหญ่เป็นการซื้อเฉพาะเครื่องแต่ไม่รู้วิธีใช้ว่าควรจะใช้อย่างไรและมีการนำไปใช้ผิดกันค่อนข้างมากทำให้ผู้ประกอบส่วนใหญ่ของไทยจึงล้างผักผลไม้ตัดแต่งด้วยวิธีการไม่ถูกต้องซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคอีกด้วย” 

 

สำหรับเครื่องล้างผักผลไม้ไมโครบับเบิ้ลต้นแบบที่พัฒนาขึ้น มีขนาดความจุ 100 ลิตร เพื่อใช้ในการสาธิตและทดลองการล้างสับปะรดภูแลตัดแต่งพร้อมบริโภคของโรงงานแปรรูปสับปะรด บริษัท เบตเตอร์ ฟรุ๊ตส์ จำกัด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงในฐานะผู้ร่วมวิจัยซึ่งมีองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการตัดแต่งผักผลไม้พร้อมบริโภคและเป็นโหนดในการถ่ายทอดเทคโนโลยี และเปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่และใกล้เคียงได้เข้ามาทดลองใช้เทคโนโลยีนี้ด้วย 

 

ประโยชน์ของเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลที่เด่นชัด คือสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิต, ลดการใช้แรงงาน, ลดระยะเวลาการล้าง, ลดปริมาณการใช้น้ำจากปกติการล้างจะต้องเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกครั้ง แต่น้ำที่ใช้เทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลจะสามารถใช้ซ้ำได้บ่อยๆ ทำให้ลดการใช้ทรัพยากรลงได้, ลดการใช้สารเคมีลงครึ่งหนึ่งจากเดิมที่ต้องใส่สารคลอรีนในน้ำเพื่อการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในสัดส่วน 100% แต่ถ้านำเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลเข้าไปร่วมจะใช้สารคลอรีนเพียง 50% ขณะที่ค่าใช้จ่ายของเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลเป็นต้นทุนคงที่และเมื่อเทียบกับเครื่องล้างผักผลไม้นำเข้าที่ไม่ใช้เทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลแล้วยังมีราคาถูกกว่าการน้ำเข้าเครื่องล้างผักผลไม้จากต่างประเทศครึ่งหนึ่ง

 

ทั้งนี้จากองค์ความรู้เทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลที่มจธ.ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องมากกว่าสิบปี นอกจากการถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าวให้กับหน่วยงานและผู้ที่สนใจตามภูมิภาคต่างๆ แล้ว ยังได้พัฒนาเครื่องและวิธีการใช้งานเทคโนโลยีไมโครบับเบิ้ลให้กับภาคเอกชน อาทิ บริษัทส่งออกกล้วยไม้ และบริษัทล้างผักตัดแต่งพร้อมบริโภค นำไปใช้เพื่อยืดอายุความสดให้กับผลผลิต ซึ่งผลลัพธ์พบว่า บริษัทที่รับถ่ายทอดเทคโนโลยีสามารถลดต้นทุนจากกระบวนการล้างและการสูญเสียของผลิตภัรฑ์ลงได้กว่า 1 ล้านบาท ต่อปี 

 

จากความสำเร็จดังกล่าวจึงนำมาขยายผลกับโรงงานแปรรูปสับปะรดภูแล จ.เชียงราย เพื่อเป็นการนำร่องในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งจากผลการทดลองกับบริษัท เบตเตอร์ ฟรุ๊ตส์ จำกัด ระยะเวลา 2 ปี พบว่าเทคโนโลยีนี้สามารถช่วยลดปริมาณเชื้อจุลินทีย์ปนเปื้อนในสัปปะรดภูแลตัดแต่งกร้อมบริโภคได้ 30% เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการดั้งเดิม และลดปริมาณการใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อกว่า 50%ซึ่งทางคณะวิจัยคาดหวังว่าหลังจากนี้ เทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบิ้ลจะถูกนำไปสู่การใช้จริงกับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล. จัดอบรมเตรียมพร้อมสู่โลกอาชีพยุคใหม่ด้วย AI

 
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดย ส่วนจัดหางานและฝึกงานของนักศึกษา จัดกิจกรรมอบรม “เตรียมพร้อมสู่โลกอาชีพยุคใหม่ด้วย AI” (Ready for the New-Age Career with AI) เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเตรียมความพร้อมให้แก่นักศึกษาในรายวิชาสหกิจศึกษาและฝึกประสบการณ์วิชาชีพ เพื่อหวังเป็นแนวทางในการ Upskill-Reskill ก่อนออกไปฝึกปฏิบัติงานและสำเร็จการศึกษา โดยมี อาจารย์ ดร.พฤทธิ์ พุฒจร อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดียและการสร้างภาพเคลื่อนไหว สำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ มฟล. เป็นวิทยากร จัดอบรมในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ ณ ห้องประชุมประดู่แดง 1 อาคารพลเอกสำเภา ชูศรี (E4) มีนักศึกษาให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมออนไซต์มากกว่า 300 คน ทั้งนักศึกษาเตรียมฝึกปฏิบัติงานและนักศึกษาที่สนใจการทำงานด้วย Gen AI ซึ่งเป็นทักษะการทำงานในยุคใหม่ที่หลายคนให้ความสนใจว่าจะประยุกต์ใช้ AI เพื่อช่วยในการเรียนหรือการทำงานได้อย่างไร โดยการอบรมนรนี้ยังมีเวิร์คช้อปการใช้ AI ทำภาพประกอบ แต่งเนื้อเพลง และทำเพลงพร้อมเสียงร้องจาก AI อีกด้วย
 
 
อาจารย์ ดร.พฤทธิ์ พุฒจร กล่าวว่า ทักษะการใช้งาน Gen AI น่าจะเป็นประโยชน์ที่จะต้องมีติดตัวกับการทำงานในอนาคต
“มนุษย์เราเดินทางมาถึงยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอีกครั้งด้วย AI หรือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มีหลายคนเคยกังวลว่าต่อไป AI หรือหุ่นยนต์จะมาแย่งงานของมนุษย์หรือไม่ เราต้องปรับตัวอย่างไร แท้จริงแล้ว AI ยังไม่สามารถมาทำงานแทนมนุษย์ได้ทั้งหมด แต่มนุษย์จะถูกแทนที่ด้วยมนุษย์ที่ใช้งาน AI เป็น”
 
 
“เราต้องเปลี่ยนแนวคิดจาก AI ปัญญาประดิษฐ์ เป็น IA (Intelligence Assistance) ผู้ช่วยทางปัญญา มีงานวิจัยออกมาว่า ถ้ามนุษย์มีทักษะในการใช้งาน AI เป็น เราจะฉลาดขึ้น แต่ถ้ามนุษญ์ใช้งาน AI ไม่เป็นก็จะโง่ลง ดังนั้นคนยุคใหม่อาจจำเป็นต้องมีทักษะในการใช้งาน AI แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเชื่อคำตอบจาก AI ได้ทั้งหมด ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจการทำงานของมัน ประเมินคำตอบที่ได้ ตรวจหาหลักฐาน จากนั้นจึงนำไปใช้งาน เช่นคำตอบจาก ChatGPT เป็นต้น และอย่าลืมว่าการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่ช่วยข้ามข้อจำกัดของมนุษย์ ที่ต้องใช้ควบคู่กับการมีจริยธรรมด้วย” อาจารย์ ดร.พฤทธิ์ พุฒจร กล่าว.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ทันตแพทย์ มฟล. บริการแบบครบวงจร สุขภาพช่องปากพระสงฆ์สามเณร

 

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 ผศ.ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ ผศ. (พิเศษ) ทพ.ไพศาล กังวลกิจ คณบดี สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ พร้อมด้วยผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ จัดพิธีทำบุญสำนักวิชาทันตแพทย์ศาสตร์ และเปิดการดำเนินโครงการส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพช่องปากพระสงฆ์ ที่ห้องประชุมวันชัย ศิริชนะ อาคารสำนักวิชาทันตแพทย์ศาสตร์ ชั้น 5 ภายในศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ตำบลท่าสุด อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมี นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ตลอดจน พระเถระผู้ใหญ่ เจ้าคณะอำเภอ ร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย 
 
โดยจัดให้มีพิธีทางศาสนาพระสงฆ์ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่หลังจากนั้น นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผศ.ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และ ผศ. (พิเศษ) ทพ.ไพศาล กังวลกิจ คณบดี สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย และพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกันเปิดดำเนินโครงการส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพช่องปากพระสงฆ์ ซึ่งเป็นการดำเนินโครงการของสำนักวิชาทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากของพระสงฆ์ ให้มีความรู้ มีเจตคติและปฏิบัติตนอย่างถูกต้องในการดูแลสุขภาพช่องปาก ซึ่งจะนำไปสู่การมีสุขภาพช่องปากที่ดี
 
ผศ.(พิเศษ) ทันตแพทย์ ไพศาล กังวลจิต คณบดี สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ม หาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าสุขภาพอนามัยที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็นของชีวิต ปัญหาสุขภาพช่องปากทั้งโลกฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ รวมถึงโรคปริทันต์ และโรคติดเชื้อในช่องปาก เป็นโรคที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมและมีผลต่อการรักษาโรคร้ายแรงหลายโรค เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ซึ่งจากการสำรวจพบว่า พระสงฆ์และสามเณรจำนวนมากมีปัญหาสุขภาพในช่องปาก ทั้งโรคฟันผุ โรคปริทันต์ โรคติดเชื้อต่างๆ นอกจากทำให้เกิดความเจ็บปวดทรมานและนำไปสู่การสูญเสียฟันก่อให้เกิดปัญหาต่อการบดเคี้ยวอาหาร และส่งผลต่อสุขภาพ
 
นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มพระสงฆ์เป็นกลุ่มที่เข้าถึงบริการรักษาทางทันตกรรมในอัตราที่ต่ำ ทำให้โรคในช่องปากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม จึงทำให้โรคลุกลามไปจนถึงขั้นติดเชื้อที่รุนแรง และสูญเสียฟัน ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพ เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติศาสนกิจ ดังนั้นเพื่อให้พระสงฆ์ได้มีความรู้และปฏิบัติตนอย่างถูกต้องในการดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง และเพื่อให้พระสงฆ์ได้รับบริการทางทันตกรรมที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างครบวงจร เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพระสงฆ์ควบคู่ไปกับกิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพ โดยการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่เพื่อให้บริการตรวจ วินิจฉัย การอุดรักษาฟัน การขุดหินปูน รักษาโรคเหงือกอักเสบ และโรคปริทันต์ รวมทั้งการถอนฟันที่วัด ให้ทันตสุขศึกษาควบคู่ไปกับการรักษาทางทันตกรรมเพื่อให้พระสงฆ์และสามเณรสามารถดูแลสุขภาพช่องปากตนเองได้อย่างเหมาะสมในกรณีที่เป็นโรคที่รุนแรง จำเป็นต้องได้รับการรักษาเป็นพิเศษ หรืออาศัยทันตแพทย์เฉพาะทาง เช่น การรักษาโรคปริทันต์อักเสบที่รุนแรง การรักษาคลองรากฟัน การรักษาโรคติดเชื้อ เนื้องอกต่างๆ ในช่องปากและกระดูกขากรรไกร รวมทั้งการใส่ฟันปลอมจะส่งตัวมารับการรักษาที่สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งโครงการนี้ได้ตั้งเป้าหมายให้บริการแก่พระสงฆ์และสามเณร ที่วัดต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย จำนวน 300 รูป ระยะเวลาดำเนินการเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากมูลนิธิ โสภณพาณิชย์ อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงอุตสาหกรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

มฟล. ร่วมชุมชนปลูกป่าเชิงนิเวศ ฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำชุมชน

 
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดยโครงการสวนพฤกษศาสตร์ฯ ได้ดำเนินการโครงการรักษ์ดิน รักษ์น้ำ รักษ์ป่า ซึ่งเป็นโครงการทางด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และเนื่องในวันต้นไม้แห่งชาติประจำปี 2566 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ถือเป็นโอกาสดีในการจัดกิจกรรมปลูกป่าเชิงนิเวศ ในพื้นที่อนุรักษ์ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่ชุมชนใช้ประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ปลูกฝังให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ นักศึกษา บุคลากร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง บุคลากรเทศบาลตำบลนางแล และประชาชนทั่วไปในชุมชนตำบลนางแล ให้มีความรู้สึกรัก และหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีอาจารย์วิทยาศักดิ์ รุจิวรกุล รักษาการแทนรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) พร้อม ดร.จันทรารักษ์ โตวรานนท์ หัวหน้าโครงการสวนพฤกษศาสตร์ฯ นำบุคลากรและนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรม เมื่อวันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.00-14.00 น. ณ ที่พื้นที่อนุรักษ์บ้านนางแลใน – บ้านร่องปลาค้าว ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
 
ทั้งนี้กิจกรรมที่โครงการรักษ์ดิน รักษ์น้ำ รักษ์ป่า โดยโครงการสวนพฤกษศาสตร์ฯ ได้ดำเนินการแล้ว ได้แก่ การปลูกต้นไม้ การสร้างฝาย โดยนักศึกษา บุคลากรของมหาวิทยาลัย โดยมีเป้าหมายพัฒนาสภาพแวดล้อมมหาวิทยาลัยให้ร่มรื่น ผลักดันมหาวิทยาลัยสู่การเป็น Green & Clean Campus และส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมในครั้งนี้หวังที่จะทำให้พื้นที่ป่าได้รับการฟื้นฟู มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น สามารถเพิ่มความหลายหลายทางชีวภาพภายในพื้นที่มหาวิทยาลัยได้มากขึ้น สร้างจิตสำนึกรักทรัพยากรธรรมชาติให้แก่นักศึกษาและบุคลากรตลอดจนประชาชนทั่วไปได้ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผืนป่าทำให้ระบบนิเวศดีขึ้น และทำให้ไม้ยืนต้นเจริญเติบโตมากขึ้น ทดแทนไผ่ป่า ลดอัตราการเกิดไฟป่าได้
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

มฟล. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ความปลอดภัยทางชีวภาพ

 
มฟล. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ความปลอดภัยทางชีวภาพและการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ หวังสร้างมาตรฐานการวิจัยระดับสากล
 
ส่วนบริหารงานวิจัย สถาบันวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จัดการอบรมอบรมเชิงปฏิบัติการ ความปลอดภัยทางชีวภาพและการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosafety and Biosecurity Training Course) หลักสูตรอบรมภาคภาษาอังกฤษ ระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายน 2566 ณ ห้องประชุมคำมอกหลวง อาคาร M-Square มฟล. โดยมี นายกานต์กุญช์ บำรุงชาติ หัวหน้าส่วนบริหารงานวิจัย กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการอบรมทั้งที่เป็นนักศึกษานานาชาติ อาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัย และได้รับเกียรติจากวิทยากร ดร.ฉายสุรีย์ ศุภวิไล ข้าราชการบำนาญ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บรรยายเรื่อง กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคามปลอดภัยทางชีวิภาพ (Biosafety) และการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ผศ. ดร.วีระชัย ทิตภากร อาจารย์ประจำวิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บรรยายเรื่อง หลักการด้านความปลอดภัยทางชีวภาพและการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ ดร.บุญเฮียง พรมดอนกอย นักวิจัยอาวุโส ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ บรรยายเรื่อง การจัดการความเสี่ยงทางชีวภาพ (Biorisk Management) และอีกหลายหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
 
นายกานต์กุญช์ บำรุงชาติ หัวหน้าส่วนบริหารงานวิจัย กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมมือกับ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (National Center for Genetic Engineering and Biotechnology: BIOTEC) จัดหลักสูตรอบรมภาคภาษาอังกฤษเรื่อง “ความปลอดภัยทางชีวภาพและการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างให้เกิดความรู้และความเข้าใจแก่นักวิจัย นักศึกษาต่างชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในห้องปฏิบัติการชีวภาพ เพื่อสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและมีความปลอดภัย โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร 3 ท่านคือ ดร.บุญเฮียง พรมดอนกอย และ ผศ. ดร.วีระชัย ทิตภากร รวมทั้ง ดร.ฉายสุรีย์ ศุภวิไล ซึ่งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการความปลอดภัยทางชีวภาพของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงอีกด้วย
 
ทั้งนี้ การวิจัย ถือเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างองค์ความรู้นำมาใช้ในการเรียนการสอน การพัฒนาประเทศ และพัฒนาคุณภาพในด้านวิชาการของมหาวิทยาลัย ในปัจจุบันการทำงานวิจัยที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่หรือพันธุวิศวกรรม มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในการสร้างประโยชน์ด้านอุตสาหกรรม การแพทย์ การเกษตร และด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง 
 
โดยตามหลักสากลในการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ต้องมีการดูแลความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการ ซึ่งประกอบด้วยมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยทางชีวภาพ และมาตรฐานความปลอดภัยทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการวิจัยการทดลองนั้น มีความปลอดภัยต่อผู้ที่เกี่ยวข้องและสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักวิจัยและผู้ปฏิบัติงาน จะต้องมีความรู้ มีความเข้าใจ ในเรื่องความปลอดภัยทางชีวภาพและการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะส่งผลให้ผลงานวิจัยที่ได้มีมาตรฐานในระดับสากล และเป็นที่ยอมรับในวงกว้างต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News