เมื่อวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.30 น. ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เชียงแสน จัดประชุมคณะกรรมการตรวจพิสูจน์โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่ขออนุญาตนำออกนอกราชอาณาจักร จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท หยกทองทวี จำกัด และสุชาติ แกะสลัก ทั้งนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นคณะกรรมการฯ ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจพิสูจน์ศิลปวัตถุที่ขออนุญาตนำออกนอกราชอาณาจักรในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายดังกล่าว

 

ซึ่งบริษัท หยก ทองทวี จำกัด ตั้งมาเกือบ 40 ปี เดิมได้นำหินมีค่าชิ้นเล็กๆ มาทำเป็น พวกเครื่องประดับ กำไล สร้อยคอ จากนั้น ได้พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นหินขนาดใหญ่ หินแกรนิต หินอีเดีย หินอาราบัส หินน้ำโขง นำมาแกะสลักขึ้นรูปองค์ ส่วนมาก จะแกะสลักงานชิ้นใหญ่ๆ บริษัท หยก ทองทวี มีชื่อเสียงที่สุด ในการแกะสลัก คือ หยกแคนาดา หยกพม่า และเป็นแหล่งใหญ่ ที่ส่งออก นอกประเทศมากถึง 90 % และส่งภายในประเทศ 10 %

 

 

 ในการขอใบอนุญาตนำพระพุทธรูป โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุออกนอกราชอาณาจักรไทย ผู้รับใบอนุญาตจะต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการส่งหรือนำวัตถุออกนอกราชอาณาจักร และจะต้องส่งออกไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสักการบูชา การศึกษาวิจัย หรือจัดนิทรรศการทางวิชาการเท่านั้น โดยจะไม่อนุญาตให้ส่งหรือนำวัตถุประเภทพระพุทธรูปในสภาพที่เป็นชิ้นส่วน หรือชำรุดออกนอกราชอาณาจักร จะอนุญาตให้ส่งออกเฉพาะพระพุทธรูป โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่มีสภาพสมบูรณ์เท่านั้น

 

 

และ‘พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ’ มาควบคุมตั้งแต่ พ.ศ.2477 ซึ่งได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในปี พ.ศ.2504 และในปี พ.ศ.2535 เพื่อคุ้มครอง ดูแลและป้องกันการลักลอบนำออกซึ่งโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ โดยได้วางบทลงโทษ ไว้ในมาตรา 39 ว่า


“ผู้ใดส่งหรือนำโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วออกนอกราชอาณาจักร อันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 22 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท”
มาตรา 22 ห้ามมิให้ผู้ใดส่งหรือนำโบราณวัตถุหรือ ศิลปวัตถุไม่ว่าโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้นจะเป็นโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ได้ขึ้นทะเบียนหรือไม่ ออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีการขอรับใบอนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

 

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่ศิลปวัตถุที่มีอายุ ไม่เกินห้าปีและไม่ได้ขึ้นทะเบียน และการนำโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุผ่านราชอาณาจักร”อย่างไรก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ที่ผ่านๆมายังคงมีข่าวโบราณวัตถุถูกลักลอบขโมยออกนอกประเทศอยู่เสมอ โดยเฉพาะพระพุทธรูปจากวัดต่างๆ และนอก จากจะเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่จัดเป็นโบราณวัตถุแล้ว พระพุทธรูปที่สร้างขึ้นใหม่ก็นิยมลักลอบนำออกนอกประเทศเช่นกัน และที่พบเป็นข่าวบ่อยครั้งก็คือเศียรพระ นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าในปัจจุบันมีการผลิตและการค้าสิ่งเทียมโบราณวัตถุและสิ่งเทียมศิลปวัตถุเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็มีระบุข้อห้ามและบทลงโทษไว้ใน กฎหมายเช่นเดียวกันแต่อาจจะเป็นด้วยบทลงโทษที่ไม่รุนแรง จึงทำให้ปรากฏข่าวคราวการลักลอบนำโบราณวัตถุและศิลปวัตถุออกนอกประเทศอยู่เสมอ

 

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME