Categories
SOCIETY & POLITICS

ชมรมคนดีศรีเชียงราย รับรางวัล MORAL AWARDS 2022 รางวัลประเภทองค์กรดีเด่น

 

วันที่ 1 กันยายน 2566 ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ดร.อนงค์ศรี สิทธิอาษา ประธานชมรมคนดีศรีเชียงราย เข้ารับรางวัล MORAL AWARDS 2022 รางวัลประเภทองค์กรดีเด่น และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เด่นศักดิ์ สุริยะ ผู้อำนวยการศูนย์แนะแนวการศึกษา เพื่ออนาคตที่ดีงาม,ผู้อำนวยการสถาบันเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร,ผู้ก่อตั้งสโมสรฝึกการพูดเชียงราย และผู้ก่อตั้งชมรมคนดีศรีเชียงราย รับรางวัลประเภทบุคคล ที่มีพฤติกรรมสะท้อนคุณธรรม “พอเพียง วินัยรับผิดชอบ สุจริต จิตสาธารณะ และกตัญญู” ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

ทั้งนี้ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดงานพิธีมอบรางวัลคุณธรรมอวอร์ด ปี 2565 “MORAL AWARDS 2022” ครั้งที่ 3 ประเภทสื่อ บุคคล ชุมชนและองค์กร โดยได้รับเกียรติจากคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการศูนย์คุณธรรม เป็นผู้มอบรางวัล
รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม และผู้ทรงคุณวุฒิศูนย์คุณธรรม ร่วมพิธีมอบรางวัลฯ

รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวว่า ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ได้จัดทำโครงการส่งเสริมและขยายผลสื่อ บุคคล และองค์กรต้นแบบด้านคุณธรรม ปี 2565 (Moral Awards 2022) เพื่อยกย่องความดีทุกรูปแบบ โดยการค้นหาและยกย่องบุคคล ชุมชน องค์กร รวมถึงองค์กรด้านสื่อมวลชน ที่มีพฤติกรรมเชิงบวก ควรค่าแก่การยกย่อง เชิดชูเกียรติ จากทุกภาคส่วนของสังคมไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ ต่อสังคม และนานาประเทศ โดยศูนย์คุณธรรมจะมอบรางวัล MORAL AWARDS เพื่อยกย่องเชิดชู เป็นขวัญและกำลังใจ ดังจุดมุ่งหมายของศูนย์คุณธรรม คือ “คนดีมีพื้นที่ยืน ความดีมีพื้นที่ในสังคม” สำหรับรางวัล MORAL AWARDS 2022 ที่จัดขึ้นในปีนี้ นับเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยแบ่งรางวัลออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ประเภทสื่อ 9 สาขา ได้แก่ (1) สาขาละคร (2) สาขาภาพยนตร์ (3) สาขาโฆษณา (4) สาขาสิ่งพิมพ์ (5) สาขาดิจิทัล (6) สาขาคลิปวิดีโอสั้นที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย (7) สาขาบทเพลง (8) สาขารายการวิทยุ และ (9) สาขารายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อสร้างสรรค์คุณธรรม ที่มีแนวคิด เนื้อหารูปแบบการถ่ายทอดนำเสนอสู่สาธารณะที่แสดงถึงการส่งเสริมคุณธรรมหรือสื่อสารเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกที่มุ่งเน้นให้ผู้รับรู้สื่อมีพฤติกรรม ด้านคุณธรรม รวมทั้งสิ้น 43 รางวัล

2. ประเภทบุคคล จะดูกันที่พฤติกรรม โดยเฉพาะพฤติกรรมสะท้อนคุณธรรม “พอเพียง วินัยรับผิดชอบ สุจริต จิตสาธารณะ และกตัญญู” ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ช่วงอายุใด เชื้อชาติใด สัญชาติใด โดยปีนี้ มีทั้งสิ้น 87 รางวัล

3. ประเภทชุมชนและองค์กร ที่มีการส่งเสริมสนับสนุนความดีภายในหรือภายนอกองค์กร รวมถึง การส่งเสริมพฤติกรรมด้านคุณธรรมที่เหมาะสม ชัดเจน ควรค่าแก่การยกย่อง มีผลงานทั้งสิ้น จำนวน 39 รางวัล

สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัลฯ ศูนย์คุณธรรมจะรวบรวมเรื่องราวจัดทำเป็นสื่อเพื่อการเผยแพร่ ขยายผลต่อสาธารณะ ผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้ง ประกาศ ยกย่อง เป็น Hall of Fame ในรูปแบบ แพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการโชว์คุณงามความดีแล้ว ประชาชนจะสามารถมาแชร์ และเชื่อมต่อความดีที่ปรากฏนี้ได้ผ่าน Hall of Fame แพลตฟอร์มออนไลน์ ของศูนย์คุณธรรม

รางวัล MORAL AWARDS 2022 หรือ คุณธรรมอวอร์ด ปี 2565 นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคน ทุกภาคส่วนในสังคมให้ความสำคัญ ตระหนักถึงการร่วมกันสร้างสรรค์สังคมคุณธรรม โดยเริ่มจากตัวบุคคล ชุมชน และองค์กร จากพื้นที่เล็ก ๆ กระจายสู่วงกว้าง สังคมที่อยู่ร่วมกันด้วยความดีความถูกต้อง และมีความเป็นธรรมทำให้ทุกคนมีความสุข และเกิดพลังในการพัฒนาสังคมให้เจริญรุ่งเรืองรวมทั้งสร้างการรับรู้และเกิดความตระหนัก กระตุ้นจิตสำนึกในเชิงพฤติกรรมขยายผลความดีสู่สาธารณะ ยกย่องให้คนดีมีพื้นที่ยืน ความดีมีพื้นที่ในสังคม ยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศเพื่อสรรสร้างสังคมคุณธรรมต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย เปิดหลักสูตร จัดดอกไม้เชิงธุรกิจ

 
วันศุกร์ที่ 1 กันยายน 2566 ณ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านสันกอง ตำบลแม่ไร่ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พบปะผู้เข้าอบรมในโครงการพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย (กิจกรรมที่ 6 หลักสูตรการจัดดอกไม้เชิงธุรกิจ) พร้อมด้วยนายชินกร ก๊อใจ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอแม่จัน เขต 2 และนายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมพบปะผู้เข้าอบรมในครั้งนี้
สำหรับ โครงการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย (กิจกรรมที่ 6 หลักสูตรการจัดดอกไม้เชิงธุรกิจ) ในวันนี้ปัจจุบันในแต่ละพื้นที่มีการจัดงานต่างๆ อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีการ งานมงคล และงานอวมงคลต่างๆ “การจัดดอกไม้” ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบของการจัดงานในการเตรียมสถานที่ เพื่อต้อนรับผู้เข้าร่วมงานและ
พิธีกรรมที่จะเกิดขึ้น อาทิ งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานประชุมสัมมนางานเลี้ยง หรืองานศพ นั้น ย่อมต้องมีการ จัดดอกไม้ เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศภาพลักษณ์ของสถานที่จัดงาน หรือประกอบการทำพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายใน
การจัดงานและการตกแต่งสถานที่ค่อนข้างสูง เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดงานและส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงต้องมีการส่งเสริมการจัดดอกไม้เพื่อให้เป็นช่องทางในการประกอบอาชีพของประชาชนในพื้นที่
โดยการจัดโครงการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย (กิจกรรมที่ 6 หลักสูตรการจัดดอกไม้เชิงธุรกิจ) มีผู้เข้าร่วมการอบรม ใน 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลศรีค้ำ และตำบลแม่ไร่ จำนวน 100 ท่าน
ดังกล่าว เพื่อประชาชนสามารถนำไปต่อยอดพัฒนายกระดับอาชีพให้มีความหลากหลายขึ้น เป็นอาชีพทางเลือกที่สามารถพัฒนาเป็นอาชีพหลัก หรือทำเป็นอาชีพเสริมได้ เนื่องจากเป็นอาชีพที่ผู้สนใจสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้เอง และยังเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากผู้ประกอบอาชีพด้านการจัดดอกไม้ยังขาดแคลน อาชีพการจัดดอกไม้จึงเป็นอาชีพหนึ่งที่จะต้องมีการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อให้เป็นช่องทางในการประกอบอาชีพของประชาชนในพื้นที่ต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดงาน “งานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย” ครั้งที่ 18 ประจำปี 2566

 
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม 2566 นายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายสุชาย ศิริมาตร หัวหน้าหน่วยส่งเสริมหม่อนไหมเชียงราย เข้าร่วมเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิด “งานตรานกยูงพระราชทานสืบสานตำนานใหมไทย” ครั้งที่ 18 ประจำปี 2566 ณ ฮอลล์ 6-7 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกรมหม่อนไหม ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมหม่อนไหม ส่วนราชการ และเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเฝ้าฯ รับเสด็จ
 
การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาที่คุณในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่ทรงสืบสาน และทรงให้ความสำคัญกับผ้าไหมไทย พร้อมผลักดันมาตรฐานใหมไทย มุ่งสร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การจัดงานในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด”ไหมไทยล้ำค่า สายใยแห่งภูมิปัญญา พัฒนาสู่สากล” โดยมีกิจกรรมภายในงานอาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ การจัดแสดงเครื่องหมายตรานกยูงพระราชทาน การออกร้านค้าจำหน่ายผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าไหมยกดอกลำพูนผ้าไหมแพรวา ผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหม การประกวดเส้นไหม และผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน เป็นต้น
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงแสน จัดกิจกรรม “เดิน วิ่งรณรงค์เพื่อ ต่อด้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย”

 
วันนี้ (1 ก.ย. 66) ณ สวนชมวิวแม่น้ำโขง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรม “เดิน วิ่งรณรงค์เพื่อต่อด้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย” โดยสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP Thailand) ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมดำเนินโครงการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายในประเทศไทย เพื่อเป็นกลไกของจังหวัดเชียงราย ในการขับเคลื่อนกิจกรรมตามโครงการต่อด้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย โดยมีนายประเสริฐ สอนสถาพรกุล ผู้แทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายเรอโน เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนรัฐวิสาหกิจ และเยาวชน เข้าร่วมกิจกรรม
โครงการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย เป็นโครงการที่สร้างความตระหนักรู้แก่เยาวชนและประชาชน ถึงปัญหาการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย และยังเป็นการสร้างการมีส่วนร่วม สร้างเครือข่ายในการทำงานร่วมกัน ทั้งภาคประชาสังคม ในการร่วมกันรณรงค์ต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายให้เป็นไปอย่างบูรณาการ และเกิดประสิทธิผล ในการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าตามแนวชายแดนของประเทศไทย
นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย ได้มีความตระหนักถึงความสำคัญ ของการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย โดยมีการแต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด ด้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายขึ้น มีผู้ว่าฯ เป็นประธานคณะทำงาน และมีผู้แทนจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเป็นคณะทำงาน ที่ผ่านมาได้มีการอบรม และพัฒนาความรู้ทางด้านการบังคับใช้กฎหมาย ในการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างเครือข่ายในการปฏิบัติงาน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัดของเชียงราย ตามเป้าประสงค์ด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมสร้างสรรค์ เพื่อสร้างสมดุลของระบบนิเวศ ซึ่งการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายนั้น ถือว่าเป็นปัญหาระดับโลก และส่งผลกระทบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมหลายด้าน การดำเนินการโดยภาครัฐอย่างเดียวไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ จึงต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
สำหรับกิจกรรมวิ่งRun for Wildlife ใช้เส้นทางวิ่งจากหน้าสถานีตำรวจอำเภอเชียงแสน ไปตามถนนรอบเวียง ถึง วัดป่าสัก วัดพระธาตุเจดีย์หลวง ระยะทางรวม 4.4 กิโลเมตร อีกทั้งในงานมีกิจกรรมเดินรณรงค์ร่วมกับโรงเรียนและเครือข่ายต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย พร้อมทั้งนิทรรศการภาพวาดโดยเยาวชนต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายอีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงราย พิจารณาเครื่องหมาย มผช. สินค้าชุมชน 21 รายการ

 
วันนี้ (1 กันยายน 66) นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 23-3/2566 โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย ในฐานะกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการนำเข้าที่ประชุม โดยมี นางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย คณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมที่ห้องประชุมที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
 
สำหรับการประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดเชียงราย ซึ่งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่ผ่านการประเมินแล้ว จำนวน 21 ภลิตภัณฑ์ เป็นผู้ผลิตรายเก่าจำนวน 12 ผลิตภัณฑ์ เป็นผู้ผลิตรายใหม่ จำนวน 9 ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบและรับรองให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) โดยผลิตภัณฑ์ชุมชน 21 รายการ ประกอบด้วย 
1. ผลิตภัณฑ์ชาจากบริษัท ชาฉุยฟง จำกัด (รายเก่า) 
2. ผลิตภัณฑ์ชา (ชากึ่งหมัก) ของนายวีรชัย ปทุมชัย (รายเก่า) 
3. กลุ่มหัตถกรรมกลึงไม้บ้านขัวแคร่ (รายเก่า) 
4. วิสาหกิจชุมชนบ้านป่าสักไก่ (รายเก่า) ไม้กวาดทางมะพร้าว 
5. วิสาหกิจชุมชนบ้านป่าสักไก่ (รายเก่า) ไม้กวาดดอกหญ้า 
6. วิสาหกิจชุมชนบ้านป่าสักไก่ (รายเก่า) ผลิตภัณฑ์จักสานไม้ไผ่ 
7. วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์บ้านจงเจริญ (รายเก่า) ผลิตภัณฑ์ผ้าปัก 
8. วิสาหกิจชุมชนทำมือบ้านจงเจริญ (รายใหม่) กระเป๋าผ้า 
9. วิสาหกิจชุมชนทำมือบ้านจงเจริญ (รายเก่า) ผ้าปัก 
10. วิสาหกิจชุมชนทำมือบ้านจงเจริญ (รายใหม่) เสื้อผ้าสำเร็จรูปหญิง 
11. นางสาวกนกวรรณ รัษฎาดาล (รายใหม่) ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูปหญิง 
12. บริษัท สุวิฬรุฬห์ ชาไทย จำกัด (รายเก่า) ชากึ่งหมัก 
13. บริษัท สุวิรุฬห์ ชาไทย จำกัด (รายเก่า) ชาหมัก 
14. นางสาวปราจีน เวียงโอสถ (รายเก่า) ผลิตภัณฑ์ถักโครเชต์ 
15. กลุ่มทอผ้าและทอเสื่อกกบ้านทุ่งโป่ง (รายใหม่) ผลิตภัณฑ์จากกก 
16. วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรพระธาตุผาเงา (รายใหม่) ลูกประคบสมุนไพร 
17. นางสาวณัชพร สุวรรณจัก (รายใหม่) น้ำมันหอมระเหย 
18. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มตีมีดบ้านป่าสักใต้ (รายเก่า) ผลิตภัณฑ์มีด 
19. กลุ่มทอผ้าและทอเสื่อกกบ้านทุ่งโป่ง (รายใหม่) ผ้าปูโต๊ะและผ้าที่ใช้บนโต๊ะอาหาร 
20. นางลุ ภารไสว (รายใหม่) ผลิตภัณฑ์จากกก และ 
21. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มตัดเย็บแปรรูปบ้านป่าซาง หมู่ที่ 3 (รายใหม่) ผ้าพิมพ์ลายจากพืช 
 
โดยการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดเชียงราย มีมติผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์ชุมชนทั้ง 21 รายการ
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตามวันศุกร์ ที่ 1 กันยายน 2566

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

“กรุงไทย” ผนึก “IBM” ตั้งบริษัทร่วมทุน ขับเคลื่อนธุรกิจหลัก สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

 
ธนาคารกรุงไทย และ IBM ประกาศความร่วมมือ ตั้งบริษัทร่วมทุน “IBM Digital Talent for Business” มุ่งเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพบุคลากร ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีให้ทัดเทียมนานาชาติ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจหลักของธนาคารให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการเติบโตขององค์กรอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยประกาศ ความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ IBM ผู้ให้บริการและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระดับโลก โดยจัดตั้งบริษัท  ร่วมทุน IBM Digital Talent for Business (IBMDT) เพื่อยกระดับด้านไอทีของธนาคารในทุกมิติ มุ่งเน้นไปที่ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การดำเนินงานด้านไอที และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของธนาคาร ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้

ความร่วมมือในครั้งนี้ ตอบโจทย์ธนาคารในด้านการเสริมสร้างทักษะพนักงาน ทั้งการ Upskill และ Reskill ที่จำเป็นต่อการดำเนินงานในอนาคต ผ่านประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของ IBM รวมถึง การปรับวิธีการดำเนินงานต่างๆ ของส่วนงานไอที ทั้งสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และบริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด (KTCS) ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มีความรวดเร็ว และคล่องตัวยิ่งขึ้น ตลอดจน ยกระดับเทคโนโลยีต่างๆ ของธนาคารให้ทันสมัย และสนับสนุนการทำงานได้มากขึ้น เช่น การนำ AI มาใช้ในกระบวนการภายในของธนาคาร เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจหลักของธนาคารให้เติบโตอย่างยั่งยืน และตอบโจทย์ธุรกิจ ในอนาคต รวมถึงการส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าและคู่ค้าของธนาคาร

“ธนาคารได้เรียนรู้และใช้ประโยชน์จากศักยภาพและความเชี่ยวชาญระดับโลกของ IBM ทั้งด้านเทคโนโลยีและทีมงานทักษะสูงจากหลากหลายวิชาชีพ มาทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาทักษะของพนักงาน และปรับปรุงรูปแบบการทำงานของธนาคารให้มีความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการยกระดับโครงสร้างเทคโนโลยีของธนาคารให้ปลอดภัย มีเสถียรภาพ และมีประสิทธิภาพ รองรับการดำเนินธุรกิจธนาคารตามแผนงานในอนาคตที่จะมีการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมมากขึ้นและสนับสนุนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร พร้อมสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการแข่งขันด้านธุรกิจการเงินแบบครบวงจร (Universal Banking) และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลักของธนาคารให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

นางลูลา โมฮานตี (Mrs. Lula Mohanty) Managing Partner ของ IBM Consulting ภูมิภาค Asia Pacific กล่าวว่า IBMDT จะผสานความเชี่ยวชาญด้านไอที ความสามารถในการบริหารจัดการนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งประสบการณ์ของ IBM Consulting ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นจุดแข็งของ IBM ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกจากความสำเร็จในหลากหลายองค์กรที่ผ่านมา มาประสานกับวิธีการทำงานเฉพาะของ IBM ที่เรียกว่า IBM GarageTM โดยยึดแนวทางการทำงานภายใต้วัฒนธรรมของการ Co-Create แต่ยังคงความรวดเร็วในการดำเนินการ ในการสนับสนุนธนาคารอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ธนาคารต้องการ

ทั้งนี้ IBMDT จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนงานต่างๆ ภายในธนาคาร เพื่อพัฒนาชิ้นงานและพัฒนาแนวทางการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธนาคารให้ได้ตรงจุดมากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่ง IBM เอง ก็มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่หลากหลายด้าน เข้ามาช่วย ในการทำงานของกระบวนการต่างๆ เพื่อลดระยะเวลาและต่อยอดให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้การจับมือกันเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับสัมพันธภาพอันดีระหว่างธนาคารกรุงไทย และ IBM ที่มีมายาวนานกว่า 30 ปี จากการทำงานร่วมกันที่ผ่านมาในการสนับสนุนธุรกิจหลักของธนาคาร และ IBM จะยังคงเดินหน้าในการสนับสนุนธนาคารอย่างเต็มความสามารถในการดำเนินธุรกิจภายใต้การเปลี่ยนแปลงด้านธุรกิจและเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างรวดเร็วต่อไป
 
 


Krungthai Bank and IBM establish joint venture to drive sustainable growth in traditional banking business

Bangkok, 1st September, 2023 — Krungthai Bank and IBM announced a strategic collaboration to form a new joint venture company, IBM Digital Talent for Business (IBMDT), to accelerate Krungthai’s technology workforce and infrastructure development. The initiative will enable the Bank to enhance its traditional banking businesses to respond to customer needs and expectations efficiently while working toward strong and sustainable growth.

IBMDT will focus on developing and enhancing the skills and capabilities of the Bank’s IT workforce and acquiring new tech and digital talent to support the bank’s operations. This collaboration aligns with Krungthai’s “7 North Star” strategies and is also a part of the key actions to move forward. This will thereby enable the bank to generate maximum benefit for its customers and partners.

Payong Srivanich, CEO, Krungthai Bank PCL, said, “IBMDT will be an important part that transforms the Bank’s IT infrastructure and introduces new ways of working to our traditional banking businesses. We must build future-ready skills as part of our two-banking-model strategy, which encompasses sustaining and enhancing traditional banking businesses in parallel with developing innovative, new businesses. Doing so will enable us to strengthen our competitive edge, attend to every facet of our customers’ needs, create new business opportunities, and improve the quality of life for many Thai people.”

This collaboration will allow the Bank to benefit from IBM’s expertise in technology and consulting, with the use of the globally proven IBM GarageTM methodology for greater agility and operational speed. IBMDT will contribute to modernizing and upgrading the Bank’s IT infrastructure, ensuring security, stability, and efficiency in support of the bank’s future plans to be more technology- and innovation-driven. It will also give Krungthai the next wave of competitive advantage in the global banking space, strengthen its traditional banking businesses, and enable sustainable core growth.

Lula Mohanty, Managing Partner of IBM Consulting, Asia Pacific, said, “IBMDT will leverage IBM Consulting’s expertise and experience in helping organizations successfully modernize and transform. Using the IBM GarageTM approach and agile principles, new products and services will be created quickly and scaled by integrated teams of talent, from developers, AI experts, data scientists, data architects to designers.”

This strategic partnership is the next phase of a relationship that spans more than 30 years, in which IBM has been trusted to support the Bank’s core business. The continued support will bring the best of IBM’s ability to reinforce the Bank as it embraces the rapid changes in business and technology.

To learn more about IBM’s insights and solutions for the financial services industry, please visit www.ibm.com/financial-services.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารกรุงไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

EXIM BANK สนับสนุนเบทาโกรขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน

 

นางวรางคณา วงศ์ข้าหลวง รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนําเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนางสาวถนอมวงศ์ แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารส่วนกลาง บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (เบทาโกร) ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จํานวน 2,800 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องและสนับสนุนการขยายธุรกิจของเบทาโกร รองรับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในไทยและตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยมีนางศิริวรรณ อินทรกำธรชัย กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารการเงิน เบทาโกร และนางสาวอัจโนมา พรธารักษ์เจริญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลุ่มอุตสาหกรรม 1 EXIM BANK เป็นสักขีพยาน ณ อาคารเบทาโกร ทาวเวอร์ (นอร์ธปาร์ค) กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566

รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า การสนับสนุนทางการเงินในครั้งนี้เป็นสินเชื่อระยะยาวเพื่อสนับสนุนเบทาโกร ในฐานะผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพในภาคอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตและเป็นพื้นฐานการพัฒนาในด้านอื่น ๆ ให้มีความพร้อมมากยิ่งขึ้นในการดำเนินธุรกิจ ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดจำหน่ายอุปกรณ์และการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง ภายใต้เจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเข้าถึงได้ในราคาที่เป็นธรรม สร้างงานและรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการในเครือข่ายการผลิตและการจัดจำหน่ายทั่วทุกภูมิภาคของไทย รวมทั้งมีการขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา

“การสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK เป็นกลไกสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่มูลค่าธุรกิจส่งออก (Value-added Integrator) ภายใต้เป้าหมายการเป็น ‘Green Development Bank’ เพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชน ประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนโลกโดยรวม สร้างโอกาสการพัฒนาของภาคเกษตรกรรม เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม และการพัฒนาในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน” นางวรางคณา กล่าว

 

 

EXIM Thailand Supports Betagro’s Business Expansion in the ASEAN Region

Mrs. Warangkana Wongkhaluang, Senior Executive Vice President, Export-Import Bank of Thailand (EXIM Thailand), and Ms. Thanomvong Taepaisitphongse, Director and Chief Administrative Officer, Betagro Public Company Limited (Betagro), jointly signed a financial support agreement worth 2.8 billion baht with EXIM Thailand to enhance liquidity and support the expansion of Betagro’s business, aiming to meet the demands of consumers both in Thailand and other markets within the ASEAN region. Witnessing the signing were Mrs. Siriwan Intarakumthornchai, Director and Chief Financial Officer, Betagro, and Miss Atchanoma Porntharuckcharoen, Senior Vice President of Corporate Business Department 1, EXIM Thailand, at the Betagro Tower (North Park) Building in Bangkok on August 31, 2023.  

EXIM Thailand Senior Executive Vice President said that this financial support is a long-term loan to support Betagro, a capable Thai entrepreneur in the agriculture and food industry, which is essential for livelihoods and serves as a foundation for development in various aspects. This support enables the company to be increasingly well-prepared to be engaging in business operations covering the production and distribution of animal feed, animal medicines, livestock, pork, chicken, chicken eggs, related processed foods, as well as the distribution of related equipment and research and development. This is driven by the goal to promote a better quality of life for people through quality, safe, and affordable food, generating jobs and income for entrepreneurs throughout the production and distribution network across all regions of Thailand. Additionally, the company is expanding investments internationally, particularly in Cambodia, Lao PDR, and Myanmar.

“The financial support provided by EXIM Thailand is a crucial mechanism in creating added value throughout the export value chain (Value-added Integrator). This is aligned with the Bank’s goal of becoming the ‘Green Development Bank’ to facilitate beneficial trade and investment both domestically and internationally for the sustainable development of communities, Thailand the ASEAN region, and the entire world. It creates development opportunities for the agricultural sector, bridges with the industrial sector, and contributes to economic, social and environmental development in a balanced and sustainable manner,” said Mrs. Warangkana.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : EXIM BANK

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตามวันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ธ.ก.ส. เปิดตัว BAAC Carbon Credit ลดปัญหาโลกร้อน

 

ธ.ก.ส. ผนึกกำลังชุมชนธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่ากว่า 6,800 ชุมชน ขับเคลื่อนภารกิจซื้อ – ขายคาร์บอนเครดิตในโครงการ BAAC Carbon Credit พร้อมออกใบ Certificate มาตรฐาน T-VER จาก อบก. เพื่อตอบโจทย์ภาคธุรกิจในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ นำร่องธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่  และบ้านแดง จังหวัดขอนแก่น นำคาร์บอนเครดิตกว่า 450 ตันคาร์บอน ขายสร้างรายได้ให้ชุมชนมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มปริมาณคาร์บอนเครดิตจากชุมชนออกสู่ตลาดอีกกว่า 1.5 แสนตันคาร์บอน ภายใน 7 ปี

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากการที่ ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกป่าตามพระราชดำริ “ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาและยกระดับไปสู่โครงการธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่า จนปัจจุบันมีชุมชนเข้าร่วมโครงการจำนวน 6,814 ชุมชน มีต้นไม้ขึ้นทะเบียนกว่า 12.4 ล้านต้น มีสมาชิก 124,071 คน มูลค่าต้นไม้ในโครงการกว่า 43,000 ล้านบาท และมีการเตรียมประเมินมูลค่าต้นไม้เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในปี 2566 คิดเป็นมูลค่ากว่า 760 ล้านบาท และในโอกาสที่รัฐบาลได้ประกาศต่อที่ประชุม World Leaders Summit ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP26) ว่า ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ทุกวิถีทาง เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ได้ในปี ค.ศ. 2065

ธ.ก.ส. จึงได้ร่วมกับชุมชนในการดำเนินโครงการ BAAC Carbon Credit เพื่อเดินหน้าแนวทางการส่งเสริมการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในประเทศ ตามโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) เริ่มจากการขึ้นทะเบียนโครงการ การตรวจนับจำนวนต้นไม้ การตรวจรับรองคาร์บอนเครดิตจากผู้ประเมินภายนอก (Validation and Verification Body: VVB) การรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิตจากองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เพื่อนำปริมาณการกักเก็บดังกล่าวไปตอบโจทย์ความต้องการของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ที่มีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ นำร่องโครงการธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่และธนาคารต้นไม้บ้านแดง จังหวัดขอนแก่น จำนวนคาร์บอนเครดิต 453 ตันคาร์บอน  โดยขายกึ่ง CSR ในราคาตันละ 3,000 บาท คิดเป็นเงินรวม 1,359,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เกษตรกรในชุมชนจะมีรายได้ประมาณ 951,300 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าวนอกจากช่วยสร้างรายได้กลับคืนสู่ผู้ปลูกต้นไม้แล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่จะมาดูดซับปริมาณคาร์บอน สร้างภูมิคุ้มกันและบรรเทาผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน และผลักดันให้ประเทศไทย สามารถบรรลุข้อตกลงความเป็นกลางทางคาร์บอนตามเป้าหมายที่วางไว้   
    
ด้านหลักการคิดคำนวณ ต้นไม้ 1 ต้น ช่วยสร้างปริมาณคาร์บอนเครดิตได้เฉลี่ย 9.5 กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี    ซึ่งพื้นที่ขนาด 1 ไร่ ปลูกต้นไม้ได้เฉลี่ย 100 ต้น/ไร่ จะได้ปริมาณคาร์บอนเครดิต 950 กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี ณ ราคาขายกึ่ง CSR 3,000 บาทต่อตันคาร์บอน (อัตราคำนวณรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย 70 : 30) กล่าวคือ เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าขึ้นทะเบียนต้นไม้ในแต่ละต้น การตรวจนับและประเมิน การออกใบรับรอง เป็นต้น คิดเป็น  ร้อยละ 30 ของมูลค่าการขาย ดังนั้น เกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่ร้อยละ 70 ของราคาขาย หรือประมาณ 2,000 บาทต่อไร่ต่อปี หรือกรณีปลูกต้นไม้แบบหัวไร่ปลายนา จะสามารถปลูกได้เฉลี่ย 40 ต้น/ไร่ คิดเป็น 380 กิโลกรัมคาร์บอนต่อไร่ต่อปี จะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายหลังหักค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 800 บาทต่อไร่ต่อปี ดังนั้นในกรณีที่หน่วยงานต่าง ๆ มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าชเรือนกระจกเป็นศูนย์ โครงการ BAAC Carbon Credit จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบรรลุเป้าหมาย เพราะนอกจากหน่วยงานจะได้รับประโยชน์ในด้านธุรกิจ ที่มีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนและให้กำลังใจชุมชนในการดูแลและปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวที่ได้รับการปกป้องโดยคนในชุมชน สะท้อนถึงความเข้มแข็งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งโลกอีกด้วย ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายที่จะขยายการสร้างคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ไปยังชุมชนที่เข้าร่วมโครงการธนาคารต้นไม้ รวมถึงขยายผลไปยังกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การทำนาเปียกสลับแห้ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน การลดพื้นที่การเผาตอซังข้าว อ้อยและข้าวโพด การเพิ่มพื้นที่ปลูกป่าชายเลน เป็นต้น โดยคาดว่าจะมีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่จะนำมาซื้อ – ขายได้กว่า 150,000 ตันคาร์บอน ภายใน 7 ปี
    
สำหรับหน่วยงานที่สนใจในการซื้อ – ขายคาร์บอนเครดิต และต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้และสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งให้กับชุมชน อันนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายพัฒนาลูกค้าและชนบท ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ 2346 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ10900 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 02 555 0555

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธ.ก.ส.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News